อีเมล์ :
รหัสผ่าน :
ลืมรหัสผ่าน
อีเมล์ :
รหัสผ่าน :
ลืมรหัสผ่าน
ลงทะเบียน/เข้าสู่ระบบ
เปลี่ยนภาษา
โหมดการเข้าถึงสำหรับผู้พิการ
ปรับขนาดตัวอักษร
ภาษา
ข่าวประชาสัมพันธ์
10 มาตรการ ทางกฎหมายในการควบคุมการเผาในที่โล่งในเขตควบคุมการเผาของจังหวัดชลบุรี ประจำปีพ.ศ. 2568
30 มกราคม 2568

ประกาศจังหวัดชลบุรี

เรื่อง มาตรการทางกฎหมายในการควบคุมการเผาในที่โล่งในเขตควบคุมการเผาของจังหวัดชลบุรี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568

ด้วยจังหวัดชลบุรี ได้ประสบปัญหามลพิษปกคลุมในช่วงเดือนธันวาคมถึงพฤษภาคมของทุกปี

โดยสถานการณ์ดังกล่าวมีสาเหตุการเกิดทั้งโดยธรรมชาติและจากกิจกรรมของมนุษย์ อาทิ การเผาไร่ ฟางข้าว ซังข้าวโพด หญ้า และวัชพืชในที่ดินทำกิน ของเกษตรกรที่อยู่ใกล้พื้นที่ป่า เพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูก และสาเหตุจากการเผาหญ้า และวัชพืชในพื้นที่บริเวณสุสาน ฌาปนสถานสาธารณะ และฌาปนสถานเอกชน ซึ่งเกิดการสะสมจนเกิดเป็นฝุ่นพิษ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนและเกิดความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เป็นจำนวนมาก ทำให้รัฐต้องสูญเสียงบประมาณในการระดมเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ และยานพาหนะเข้าระงับยับยั้งดับไฟป่า

.

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15 มาตรา 21 มาตรา 22 มาตรา 28 และมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 จึงกำหนดให้พื้นที่ทุกชุมชน/หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ในท้องที่จังหวัดชลบุรี เป็นเขตควบคุมการเผา คือ พื้นที่ที่ห้ามมิให้มีการเผาในที่โล่งทุกชนิด ในพื้นที่ชุมชน ห้ามมิให้มีการเผาขยะ เศษกิ่งไม้ใบไม้ทุกชนิด โดยผู้ฝ่าฝืนหรือปล่อยปละละเลย ให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดในทุกกรณี และเพื่อเป็นการขยายผลการดำเนินงานตามวาระของจังหวัดชลบุรี ในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2s) จึงขอความร่วมมือในการป้องกันการจุดไฟเผาในที่โล่ง และพื้นที่การเกษตร ดังนี้

.

?1.ให้นายอำเภอและผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งควบคุมการเผาทุกชนิดในพื้นที่รับผิดชอบ ทั้งในพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ พื้นที่รกร้างว่างเปล่า พื้นที่สาธารณะ พื้นที่สองข้างทาง รวมทั้งการเผาขย่ะ กิ่งไม้ใบไม้ตามบ้านเรือน และสนับสนุนการควบคุมไฟป่า โดยถือเป็นภารกิจเร่งด่วนและเป็นตัวชี้วัดในการปฏิบัติงาน

.

?2.ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่มีการอนุญาตก่อสร้าง กำชับให้ผู้ได้รับอนุญาต

ควบคุมฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง การขุดดิน การถมดิน และการขนส่งวัสดุ อย่างเคร่งครัด

.

?3. ให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลถนน ทางสาธารณะทางรถไฟ และคลองชลประทาน ควบคุมไม่ให้มีการเผากำจัดวัชพืชสองข้างทางโดยเด็ดขาด

.

?4. ให้หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ซ่อมบำรุง ตรวจสภาพรถยนต์ให้อยู่ในสภาพดี และตรวจสอบค่ามลพิษควันดำจากรถยนต์ดีเซลได้ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดชลบุรี

.

?5. ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนงดการเผาทุกชนิด การกำจัดขยะจากบ้านเรือนให้ใช้การคัดแยกขยะ หรือทำปุ๋ยหมักแทนการเผา และขอให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหาสุขภาพโดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ รวมทั้งความเสียหายทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น

.

?6. หากมีการจุดไฟเผาป่าภายในเขตควบคุมการเผาในเขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า

เขตป่าสงวนแห่งชาติ และเขตป่าไม้ จะต้องได้รับโทษทางกฎหมาย ดังนี้

.

?6.1 พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช2484และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 54 และมาตรา

72 ตรี ห้ามมิให้ผู้ใดก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 54 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่ได้กระทำเป็นเนื้อที่เกิน 25 ไร่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 15c ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 ถึง 100,000 บาท

?6.2 พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 14 และมาตรา 31 ห้ามมิให้บุคคลใดยึดถือครอบครอง ทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้เก็บหาของป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 14 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปีและปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 200,000 บาท ในกรณีที่ได้กระทำเป็นเนื้อที่เกิน 25 ไร่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 ถึง 2,000,000 บาท

?6.3 พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 19 (1) และมาตรา 41 ภายในอุทยานแห่งชาติ ห้ามมิให้บุคคลใดยึดถือหรือครอบครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำ ด้วยประการใดๆ ให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ไปจากเดิม ผู้ใดฝ่าฝืน มาตรา 19 (1) ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปีถึง 20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 400,000 บาทถึง 2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากได้กระทำในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 หรือพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 2 ตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด หรือพื้นที่เปราะบางของระบบนีเวศหรือความหลากหลายทางชีวภาพ ผู้กระทำต้องระวางโทษหนักกว่าโทษที่กฎหมายบัญญัติไว้กึ่งหนึ่ง

?6.4 พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 55 (2) และมาตรา 99 ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้ามมิให้ผู้ใดยึดถือหรือครองครองที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำ ด้วยประการใด ให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพธรรมชาติเดิม ผู้ใดฝ่าฝืน มาตรา55 (2) ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 400,000 ถึง 2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากได้กระทำในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 หรือพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 2 ตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด หรือพื้นที่เปราะบางของระบบนิเวศหรือความหลากหลายทางชีวภาพ ผู้กระทำต้องระวางโทษหนักกว่าโทษที่กฎหมายบัญญัติไว้กึ่งหนึ่ง

.

?7. ให้ราษฎรมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหา หากพบผู้กระทำผิดให้แจ้งเจ้าหน้าที่ เพื่อดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 25 มาตรา 27 และมาตรา 74 ในกรณีที่มีเหตุอันอาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงหรือผู้ที่ต้องประสบ กับเหตุนั้นดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าเป็นเหตุรำคาญ (4) การกระทำใดๆ อันเป็นเหตุให้เกิดกลิ่น แสง รังสี เสียง ความร้อน สิ่งมีพิษ ความสั่นสะเทือน ฝุ่น ละออง เขม่า เถ้า หรือกรณีอื่นใด จนเป็นเหตุให้เสื่อมหรืออาจเป็นอันตราย ต่อสุขภาพ เมื่อพบว่าบุคคลใดได้ก่อเหตุรำคาญขึ้น เจ้าพนักงานท้องถิ่นสามารถออกคำสั่งให้ระงับเหตุรำคาญนั้น ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 25,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

.

?8. ในเขตทาง ห้ามมิให้ดำเนินการจุดไฟเผาในพื้นที่ริมทางหลวง และริมทางหลวงท้องถิ่น ซึ่งหากพบเห็นให้รีบช่วยกันดับไฟเสียแต่ต้น เพื่อไม่ให้ขยายออกเป็นวงกว้าง หากไฟมีความรุนแรงไม่สามารถดับไฟได้ให้รีบแจ้งหน่วยงานที่รับผิดชอบเขตทางหลวงนั้น เข้าดำเนินการระงับเหตุ หรือแจ้งสายด่วนทางหลวง 1586 และสายด่วนทางหลวงชนบท 1156 รวมทั้งบังคับใช้กฎหมายทางหลวงและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับผู้กระทำผิดอย่างเคร่งครัด

.

?9. พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 มาตรา 9 และมาตรา 52

ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของผู้อำนวยการตามมาตรา 21 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งอพยพบุคคลออกจาก พื้นที่ตามมาตรา 28 ถ้าคำสั่งอพยพนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการกีดขวางการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือฝ่าฝืนคำสั่งตามมาตรา 29 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

.

?10.ข้าราชการในพื้นที่ทุกคน ทุกสังกัด นายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล กำนัน

ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน แพทย์ประจำตำบล คณะกรรมการหมู่บ้าน คณะกรรมการชุมชนประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภาตำบล คณะกรรมการป่าชุมชน อาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน และอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ให้ถือเป็นหน้าที่ที่ต้องสอดส่อง ดูแลเอาใจใส่และร่วมชี้แจงให้ประชาชนในท้องที่ปฏิบัติตามประกาศฉบับนี้อย่างเคร่งครัด