วันที่ 19 มีนาคม 2568 เวลา 08.30 น. ณ โรงแรมพินนาเคิล แกรนด์ จอมเทียน รีสอร์ท จังหวัดชลบุรี คณะกรรมาธิการการศึกษา การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม วุฒิสภา นำโดย ดร.สุทิน แก้วพนา รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง ได้เปิดการเสวนารับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำ “สมุดปกขาว (Whitepaper) ทิศทางการพัฒนาการศึกษาไทยที่สังคมคาดหวัง" ซึ่งคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา ได้เปิดเวทีเสวนารับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ใน 4 ภูมิภาค เพื่อกำหนดแนวทางพัฒนาการศึกษาไทย จัดทำ “สมุดปกขาว” เป็นแนวทางเชิงนโยบาย ตอบโจทย์สังคมและพัฒนาประเทศในระยะยาว

การเสวนาครั้งนี้ได้รับเกียรติจากผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและภาคการศึกษาเข้าร่วม อาทิ นายอดิเรก อุ่นโอสถ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี, นายปริญญา วงษ์เชิดขวัญ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่ห้า, นางสาวกรกมล จึงสำราญ เลขานุการคณะทำงาน รวมถึงกลุ่มเป้าหมายกว่า 70 คนจากทุกภาคส่วน

เวทีเสวนานี้มุ่งเน้นการศึกษา วิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูลสำคัญด้านการศึกษา เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและเชื่อมโยงกับการพัฒนาประเทศ โดยแบ่งผู้เข้าร่วมออกเป็น 5 กลุ่มหลัก ได้แก่

1. กลุ่มนักการศึกษา

2. กลุ่มผู้บริหารสถานศึกษาและหน่วยงานการศึกษา

3. กลุ่มบุคลากรทางการศึกษา

4. กลุ่มผู้ปกครองและผู้เรียน

5. กลุ่มประชาชน สื่อมวลชน และภาคีเครือข่าย

ดร.สุทิน แก้วพนา กล่าวว่าการจัดทำสมุดปกขาวฉบับนี้มีเป้าหมายเพื่อกำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการพัฒนาการศึกษาไทยให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ เราต้องสร้างระบบการศึกษาที่ตอบโจทย์อนาคตของประเทศ มุ่งเน้นการเรียนรู้ตลอดชีวิต และพัฒนาทักษะที่จำเป็นให้กับผู้เรียน เพื่อให้สามารถปรับตัวและแข่งขันในเวทีโลกได้ สมุดปกขาวฉบับนี้จะเป็นก้าวสำคัญของระบบการศึกษาไทย เราหวังว่านโยบายที่ได้จากการเสวนานี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรม และสร้างโอกาสที่ดีให้แก่เยาวชนไทยในอนาคต

โดยความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากเวทีเสวนานี้ จะถูกนำไปประมวลผล วิเคราะห์ และสังเคราะห์ เพื่อจัดทำเป็นสมุดปกขาว ซึ่งจะเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาการศึกษาแก่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 และข้ อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2562

การเสวนาครั้งนี้เป็นก้าวแรกของการร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างอนาคตทางการศึกษาที่เข้มแข็ง และสอดคล้องกับบริบทของสังคมไทยและเวทีโลก